ทำไม Price Action บางครั้งไม่ได้ผล

ทำไม Price Action บางครั้งไม่ได้ผล

กลยุทธ์ในการเทรดนั้นมีมากมายหลายวิธีประกอบด้วยกัน แต่ความเป็นไปได้ที่จะเทรดให้ได้กำไรทุกออเดอร์ หรือ เอาชนะตลาดนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากจริง ๆ ครับ ดังนั้นแล้วการใช้ Price Action ก็เช่นเดียวกันบางครั้งมักจะไม่ได้ผลหรือเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ แน่นอนเลยว่านักเทรดหลายคนก็มักจะตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่าเทคนิคนี้ดูสะดวกเพราะไม่ต้องพึ่งพาตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ แต่บางครั้งกลยุทธ์นี้ก็ไม่ได้ให้สัญญาณที่ถูกต้อง อีกทั้งข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เป็นเหตุผลร่วมด้วย สำหรับในบทความนี้พวกเราได้รวบรวมคำตอบเกี่ยวกับคำถามที่ว่า ทำไมบางครั้งถึงใช้ Price Action ไม่ได้ผลนั่นเองครับ

แนวโน้มของตลาด ที่ไม่ชัดเจน

ลักษณะของตลาดที่กำลัง Sideway

  • ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแนวนอน (Sideways)
  • ไม่มีแนวโน้มขึ้นหรือลงชัดเจน
    • ราคาจะสวิงขึ้นลงในกรอบที่ค่อนข้างแคบ

การสร้างรูปแบบบนกราฟจะไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น แนวรับ-แนวต้าน ด้วยทิศทางที่ไม่ชัดเจน จะทำให้ไม่สามารถตีความได้อย่างแม่นยำครับ

เหตุผลที่ตลาดแบบนี้ ถึงใช้ไม่ได้ผล

  • เพราะว่า Pirce Action ถูกระบุจุดเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
    • การตีความไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้

ตัวอย่างเช่น

การเกิดสัญญาณ Breakout ในตลาด Sideway อาจจะเป็นสัญญาณหลอก หรือ False Breakout ทำให้การตีความหมายที่ผิดไปก็เป็นไปได้

รูปที่ 1: แสดงถึงลักษณะของตลาดที่กำลัง Sideway ไม่เลือกฝั่ง

ผลิตภัณฑ์มีสภาพคล่องต่ำ

ลักษณะของตลาดที่ Low Liquidity

  • เป็นตลาดที่มีการซื้อ-ขาย น้อย
  • การเคลื่อนไหวของราคาเกิดจากออเดอร์เพียงไม่กี่ราย
  • เกิดความผันผวนสูงกว่าปกติ
  • สัญญาณไม่สอดคล้องกับแนวโน้มความเป็นจริง

เหตุผลที่ Price Action ไม่ได้ผล

  • เทรดเดอร์อาจจะตีความกราฟผิด เพราะด้วยสัญญาณการซื้อ-ขายที่น้อย

ตัวอย่างเช่น

เมื่อเห็นแท่งเทียนมีลักษณะที่บอกว่าจะเป็นการกลับตัว แต่ปริมาณการซื้อขายที่น้อย สัญญาณดังกล่าวจะไม่สะท้อนกับความเป็นจริงของตลาดที่เป็น อาจจะแค่ย่อตัวหรือลงต่อก็เป็นไปได้

รูปที่ 2: แสดงถึงลักษณะของตลาดที่ สภาพคล่องต่ำ ผันผวนสูง

ข่าวสาร หรือ เหตุการณ์สำคัญ มีผลกระทบสูง

ลักษณะของตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว

  • เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ นั้นไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้
    • ข่าวเศรษฐกิจ
    • การประกาศนโยบายของรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ
    • การเกิดเหตุการณ์สำคัญ รุนแรง ในโลกธุรกิจ

สำหรับเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ทำให้ตลาดนั้นมีผลกระทบทันที ซึ่งต่อให้ตีความ Price Action มาพร้อมแค่ไหน แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้ทุกแนวรับ-แนวต้าน ไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น

เหตุการณ์นี้จึงไม่สามารถคาดเดาเรื่องอะไรได้เลยในโลกของการเทรด ดังนั้น หลังประกาศข่าวแรกไปเป็นเรียบร้อย เมื่อข่าวใหม่เข้ามา ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันด้วยนั่นเองครับ

รูปที่ 3: แสดงถึงลักษณะของตลาดที่แปรผันตามข่าวสาร และแนวโน้มทางเศรษฐกิจ

ช่วงเวลาของการวิเคราะห์ข้อมูล

การเลือกใช้ Timeframe กรอบเวลาที่แตกต่างกัน

  • การเลือกใช้กรอบเวลาที่ต่างกัน ทำให้เกิดสัญญาณของ Price Action ที่แตกต่างกันได้

ตัวอย่างเช่น

  • กรอบเวลา 1 ชั่วโมง บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในขาลง แต่กรอบเวลา 4 ชั่วโมง อาจบอกได้ว่ากำกลับกลับตัวเป็นขาขึ้น

ดังนั้นสัญญาณในกรอบเวลาต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้นักลงทุนนั้นตัดสินใจผิดพลาดได้เช่นกันครับ

ปัญหาที่พบ

  • การใช้ Price Action ใน กรอบเวลาเล็กอาจจะผิดพลาดได้ เพราะตลาดอาจจะอยู่ในช่วงพักตัวของราคา ดังนั้นการตีความที่ผิดพลาดในกรอบเวลานั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกันครับ

รูปที่ 4: แสดงถึงลักษณะของการใช้ Timeframe ที่ผิด อาจจะเปลี่ยนความหมายของกราฟได้

การตีความ Price Action ที่ผิดพลาด

การวิเคราะห์ Price Action ที่ซับซ้อน

  • การตีความ วิเคราะห์ Price Action ที่ซับซ้อนเกินไป อาจะทำให้ตีความหมายออกมาผิดพลาด

ตัวอย่างเช่น

รูปแท่งเทียนบางประเภทอย่าง

  • Pin Bar
  • Engulfing

แท่งเทียนในรูปแบบนี้อาจจะทำให้ตีความหมายที่ผิดพลาดได้เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด

เกิดความท้าทายในการตีความ

  • นักลงทุน ขาดประสบการณ์ หรือ ความเข้าใจ อาจจะทำให้ Price Action ที่มองว่า “Double Top” หรือ “Double Bottom” คือการกลับตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นแค่การพักตัวแล้วไปต่อ

จิตวิทยาเทรด สำคัญมาก

นักเทรดบางรายไม่มีการศึกษา และทำความเข้าใจในจิตวิทยาการเทรดมากพอ ต่อให้อ่าน Price Action เป็น แต่ก็สามารถส่งผลให้เกิดความกลัวที่จะเทรด พลาดโอกาสสำคัญในการเทรด จนกลายไปสู่ความไม่มั่นใจในการเทรดได้ จึงขอแนะนำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • กำหนดแผนในการเข้าเทรด มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนตาม Price Action ที่วางแผนเอาไว้
    • ไม่ถึงโซนราคาที่กำหนด จะไม่มีการเข้าเทรด
  • เข้าเทรดตามแผนที่กำหนด ไม่เลื่อน SL หรือ กำหนด จุดกำไรใหม่
    • เทรดที่โซนราคาที่ต้องการ และ เปลี่ยนจุด TP หรือ SL
  • หากเทรดได้กำไร หรือ ขาดทุน ให้ทำตามแผน ไม่เข้าเทรดมั่ว

กรณีที่ SL อย่าจมอยู่กับความทุกข์ หรือ เสียใจ จะต้องเรียนรู้ หรือ กำหนด Price Action ใหม่ ดังนั้นเรื่องสำคัญคือ จิตวิทยาในการเทรดที่จะเข้ามาช่วยทำให้บรรเทาเรื่องของ ข้อผิดพลาดไปสู่ความสำเร็จได้

รูปที่ 4: แสดงถึงจิตวิทยาการเทรด ที่นักเทรดทุกคนต้องมี แม้ใช้เทคนิค Price Action ก็ตาม

สรุป

กลยุทธ์การใช้ Price Action นั้นถือได้ว่ามีประสิทธิภาพในหลายจุดด้วยกัน แต่ทว่าด้วยข้อจำกัดบางอย่างก็ทำให้เทคนิคนี้ไม่สามารถใช้งานกับสภาพตลาดบางช่วงเวลา หรือ บางผลิตภัณฑ์ได้ เพราะความผันผวน รวมไปถึงสภาพคล่อง ที่ทำให้กราฟแท่งเทียนนั้นไม่เป็นไปตามเทคนิค อย่างไรก็ตามอารมณ์ของการเทรดก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีการควบคุม มีวินัย และ ทำตามแผนที่ได้ศึกษามานั่นเองครับ ทั้งหมดนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้บางครั้งเทคนิคการอ่านกราฟก็ไม่สามารถใช้งานอย่างได้ผล 100%