Fibonacci กับ Price Action : เคล็ดลับการเทรดที่มือใหม่ห้ามพลาด

Fibonacci คืออะไร

  • Fibonacci คือ ลำดับตัวเลขที่เริ่มต้นด้วยศูนย์และหนึ่ง เป็นลำดับที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยแต่ละตัวเลขจะเท่ากับผลรวมของตัวเลขสองตัวก่อนหน้า ถูกคิดค้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ลีโอนาโด ฟิโบนักชี ในศตวรรษที่ 13 
  • Fibonacci เป็นเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้วิเคราะห์กราฟราคา คล้ายคลึงกับเทคนิค แนวรับและแนวต้าน แต่จะใช้ตัวเลขของ Fibonacci ในการหาจุดพักตัว จุดกลับตัว และจุดเก็บกำไร

Fibonacci มีกี่แบบ

  • Fibonacci มีหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ Fibonacci Retracement, Fibonacci Time Zone, Fibonacci Fan,  Fibonacci Arcs, Fibonacci Channel และ Fibonacci Extension,
  • ประเภทของ Fibonacci ที่ได้รับความนิยมและนำมาใช้กับ Price Action มากที่สุดก็คือ Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension ซึ่งเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่มีอยู่ในทุกโปรแกรมที่ใช้ในการซื้อขาย เช่น MT4/MT5

การใช้งาน Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension

  • Fibonacci Retracement ใช้ในการหาจุดย่อของราคา หรือจุดกลับตัวของเทรนรองเพื่อไปต่อในเทรนหลัก
  • วิธีใช้ Fibonacci Retracement จะลากจากจุด A ไปยังจุด B เพื่อหาจุด C โดยจะโฟกัสที่ระดับฟิโบมากกว่า 50%
  • Fibonacci Extension ใช้ในการหาจุดเก็บกำไร หรือออกจากการเทรด
  • วิธีใช้ Fibonacci Extension จะลากจากจุด A ไปยังจุด B และไปยังจุด C เพื่อหาระยะยืดของกราฟราคา

เคล็ดลับการเทรดโดยใช้ Fibonacci กับ Price Action

เคล็ดลับการใช้ Fibonacci Retracement กับ Price Action

  • Fibonacci Retracement ใช้ในการหาจุดย่อของราคา และกลับตัวของเทรนรองเพื่อไปต่อในเทรนหลัก มักเกิดขึ้นที่ 61.8% และ 78.6% ของระดับฟิโบ หรือหากราคามากกว่า 50% ให้มองหาแนวรับแนวต้านเมื่อราคาเคลื่อนที่เข้าไปในบริเวณนั้นๆ กราฟราคามีโอกาสกลับตัว
  • เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าเทรดและแน่ใจว่าราคาจะกลับตัวจริงๆ ให้ใช้รูปแบบ Price Pattern หรือ Candlestick แบบต่างๆ มาตรวจสอบ เพื่อเพิ่มนัยสำคัญในการเข้าเทรด และทำให้สามารถระบุจุดเข้าเทรด จุดเก็บกำไร และจุดตัดขาดทุนได้อย่างชัดเจน

เคล็ดลับการใช้ Fibonacci Extension กับ Price Action

  • Fibonacci Extension ใช้ในการหาจุดเก็บกำไร เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปยังระดับฟิโบ 127.2% 161.8% 261.8% ราคามีโอกาสกลับตัวทุกระดับ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ Price Action เข้ามาช่วย
  • การนำเทคนิคแนวรับแนวต้านเข้ามาช่วยวิเคราะห์ในการหาจุดเก็บกำไรถือว่าช่วยได้และเป็นเทคนิคที่ดี แต่หลายครั้งราคาถึงแนวรับแนวต้านแล้ว แต่ราคาวิ่งต่อ ทำให้พลาดโอกาสทำกำไรที่มากกว่า จึ่งจำเป็นต้องนำรูปแบบ Price Pattern หรือ Candlestick แบบต่างๆ มาช่วยวิเคราะห์ หากแนวรับแนวต้านนั้นเกิดรูปแบบการกลับตัวต่างๆ ก็พิจารณาเก็บกำไรได้ หรือหากยังไม่มีรูปแบบการกลับตัวก็สามารถถือต่อได้

ตัวอย่างการเทรดบนกราฟจริง

ตัวอย่างการเข้าเทรดที่ 1

  • เทรดบนกรอบเวลา 15 นาที ราคากลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
  • ใช้ Fibonacci Retracement ลากจากจุด A ไป B เพื่อหาจุดย่อ ที่ระดับฟิโบ 61.8% ราคาได้สร้างแนวรับไว้
  • เมื่อราคาย่อกลับมาเข้าโซนแนวรับ และเกิดการกลับตัวเป็นรูปแบบ QM ในกรอบเวลา 1 นาที สามารถพิจารณาเข้าเทรดได้ ตามรูปแบบ QM บริเวณจุด C
  • หากไม่ย่อกรอบเวลาไปที่ 1 นาที ในกรอบเวลา 15 นาที ราคาก็ได้สร้างรูปแบบ Double Bottom สามารถพิจารณาเข้าเทรดตามรูปแบบ Double Bottom ก็ได้ โดยจุดตัดขาดทุนอยู่ใต้จุด A
  • จุดเก็บกำไรใช้ Fibonacci Extension ลากจากจุด A ไป B และไป C จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาถึงระดับฟิโบ ราคาจะเกิดการย่อ พิจารณาเก็บกำไรได้ หากราคาเข้าสู่บริเวณแนวต้านสำคัญหรือเกิดรูปแบบการกลับตัวที่ระดับฟิโบต่างๆ

ตัวอย่างการเข้าเทรดที่ 2

  • เทรดบนกรอบเวลา 15 นาที ราคาเป็นแนวโน้มขาลงชัดเจน
  • ใช้ Fibonacci Retracement ลากจากจุด A ไป B เพื่อหาจุดย่อ ที่ระดับฟิโบ 61.8-78.6% เกิด Candlestick Hammer เป็นสัญญาณการกลับตัว สามารถพิจารณาเข้าเทรดได้เลยโดยไม่ต้องย่อกรอบเวลา โดยจุดตัดขาดทุนตั้งไว้เหนือจุด A
  • จุดเก็บกำไรใช้ Fibonacci Extension ลากจากจุด A ไป B และไป C จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาถึงระดับฟิโบ ราคาจะเกิดการย่อ พิจารณาเก็บกำไรได้ หากราคาเข้าสู่บริเวณแนวต้านสำคัญ หรือเกิดรูปแบบการกลับตัวที่ระดับฟิโบต่างๆ

สิ่งที่ต้องรู้/คำแนะนำ

  • การใช้ Fibonacci ในการวิเคราะห์การเทรดต้องใช้ความรู้เรื่องโครงสร้างของราคาเข้ามาเสริม จะมีความแม่นยำในการเลือกสวิงของราคาในการลากฟิโบ
  • ในจังหวะที่ราคาย่อของ Fibonacci Retracement เมื่อราคาอยู่ที่บริเวณแนวรับแนวต้านที่ระดับฟิโบมากกว่า 50% ให้ย่อกรอบเวลาเข้าไปดูโครงสร้างของราคา หากเกิดรูปแบบการกลับตัว Price Pattern แบบต่างๆ ก็สามารถพิจารณาเข้าเทรดได้ ซึ่งการยืนยันหลายปัจจัยจะช่วยเพิ่มนัยสำคัญในการเทรด
  • การตั้งจุดตัดขาดทุนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ใช้ในการเข้าเทรด เช่น เทรดบนกรอบเวลา 15 นาที ราคาย่อมาที่ระดับฟิโบ 78.6 เกิดรูปแบบการกลับตัว QM ในกรอบเวลา 1 นาที ให้ใช้จุดตัดขาดทุนตามรูปแบบ QM เทคนิคนี้จะทำให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรได้มากขึ้น  หรือหากไม่ย่อกรอบเวลาแต่การแท่งเทียนกลับตัวที่แนวต้าน ให้ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่จุด A ของการลากฟิโบ
  • การใช้ Fibonacci ร่วมกับเทคนิค Price Action และเทรดตามแนวโน้มหลักจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ไกล
  • การใช้ Fibonacci ร่วมกับเทคนิค Price Action ใช้ได้กับทุกตลาด และใช้ได้ดีบนกรอบเวลา 15 นาทีขึ้นไป