หลีกเลี่ยงกับดักด้วยเทคนิคเทรด False Breakouts

False Breakout คืออะไร

  • False Breakout คือพฤติกรรมของราคาที่เกิดการ Breakout แบบหลอกหรือการทะลุแนวรับแนวต้านแบบหลอก ความหมายก็คือ เมื่อเกิดการทะลุแทนที่ราคาจะวิ่งต่อไปตามแนวโน้ม แต่ราคากลับมาวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านเหมือนเดิม
  • False Breakout เป็นกับดักหลอกเทรดเดอร์ที่ใช้เทคนิคแนวรับแนวต้านในการเทรด และในบางครั้งอาจเกิดการหลอกแบบ 2 ชั้น โดนตลาดเล่นงานกวาด Stoploss ทั้งผู้เล่นฝั่งซื้อและฝั่งขายจนกลายเป็น Stoploss Hunting หรือที่เทรดเดอร์ว่ากันว่าเป็นการเคลียออเดอร์ของรายย่อยโดยเทรดเดอร์รายใหญ่ (Liquidity) ซึ่งทำให้เดาทางไม่ถูกเลยทีเดียว

False Breakout มีกี่แบบ

  • False Breakout มี 2 แบบหลัก ๆ คือ Bull Trap (กับดักขาขึ้น) และ Bear Trap (กับดักขาลง)
  • Bull Trap (กับดักขาขึ้น) คือลักษณะ False Breakout ที่เกิดขึ้นเมื่อกราฟราคา Breakout ทะลุแนวต้านรูปแบบต่างๆ เช่น แนว Resistance, ระดับ Fibonacci, Supply Zone ประเภท DBD RBD และ Key Level ต่างๆ ขึ้นไป แต่กลับกลายเป็นว่าราคาไม่ได้ทะลุจริง เป็นการเบรกหลอก แล้วราคาก็กลับเข้าสู่ Range หรือกลับมาวิ่งในกรอบแนวรับแนวต้านเหมือนเดิม
  • Bear Trap (กับดักขาลง) คืออีกลักษณะหนึ่งของ False Breakout ที่เกิดขึ้นเมื่อกราฟราคา Breakout ทะลุแนวรับรูปแบบต่างๆ เช่น แนว Support, ระดับ Fibonacci, Demand Zone ประเภท RBR DBR และ Key Level ต่างๆ ลงไป แต่กลับกลายเป็นว่าราคาไม่ได้ทะลุจริง เป็นการเบรกหลอก แล้วราคาก็กลับเข้าสู่ Range หรือกลับมาวิ่งในกรอบแนวรับแนวต้านเหมือนเดิม

วิธีหลีกเลี่ยงกับดัก False Breakout

  • วิธีหลีกเลี่ยงกับดัก False Breakout ในแบบต่าง ๆ นั้น แม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับดัก False Breakout ได้แบบ 100 % แต่ก็พอช่วยลดโอกาสที่จะโดนหลอก โดยเทคนิคที่เราจะนำเสนอมีอยู่หลักๆ คือ 1.การหลีกเลี่ยงโดยใช้การวิเคราะห์จาก Price Action 2.การหลีกเลี่ยงโดยใช้การวิเคราะห์กราฟแบบ Multi Timeframes หรือ Top-Down Analysis 3.การหลีกเลี่ยงโดยใช้ปริมาณการซื้อขายในการวิเคราะห์ 4.การหลีกเลี่ยงโดยการใช้ Indicator ประเภท oscillator เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์

การหลีกเลี่ยงโดยใช้การวิเคราะห์จาก Price Action

  • การวิเคราะห์จาก Price Action เมื่อราคาพักตัวอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านและเกิดการ Breakout ให้สังเกตที่แท่งเทียนหรือลักษณะของ Candlestick ว่า
  • ลักษณะของ Candlestick หรือแท่งเทียนจะต้องมีขนาดที่ใหญ่และยาว มีเนื้อเทียนที่ทะลุออกจากแนวเกิน 80% หรือหากเกิดการทะลุต้องมีแท่งเทียน 3 แท่ง ที่มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

การหลีกเลี่ยงโดยใช้การวิเคราะห์กราฟแบบ Multi Timeframes หรือ Top-Down Analysis

  • การเทรด แบบ Top-Down Analysis หรือการวิเคราะห์กราฟแบบ Multi Timeframes มีความคล้ายคลึงกันกับการหลีกเลี่ยงโดยใช้ Price Action ในหัวข้อก่อนหน้า แต่แบบวิเคราะห์หลายกรอบเวลาเป็นอีกเทคนิคที่ใช้ได้จริง
  • จากตัวอย่างด้านล่างใน Timeframe H1 ราคาได้เข้าสู่บริเวณ Demand Zone หรือ Support Zone แล้วเกิดการพักตัวสร้างแนวรับแนวต้านย่อย จากนั้นราคาเกิดการ Breakout แนวต้านขึ้นไปโดยมีขนาดแท่งเทียนทีใหญ่ยาวหรือเรียกว่า Big Breakout Candlestick ก็ได้ เราอย่าพึ่งเข้าออเดอร์  ให้ปรับไปเช็คที่ Timeframe ที่ใหญ่กว่า 1 ระดับ ตามภาพตัวอย่างคือ H1 กระโดดมา H4
  • เราจะเห็นได้ว่า ราคาที่เบรกลงมานั้น กลับกลายเป็นการ Rejection ทิ้งไส้เทียนยาวๆ ไว้ และไม่สามารถปิดเหนือกว่าแนวต้านได้ ตรงนี้คือสัญญาณการ False Break แสดงว่า แนวต้านนี้ยังไม่ได้เป็นเบรกที่แท้จริง

การหลีกเลี่ยงโดยใช้ปริมาณการซื้อขายในการวิเคราะห์ 

  • เมื่อเกิด False Breakout (การทะลุหลอก) แล้วปริมาณการซื้อขาย (Volume) จะเป็นตัวบ่งบอก หากราคาทะลุจริงจะมีปริมาณการซื้อขายที่สูง กลับกันหากการทะลุมีปริมาณการซื้อขายที่น้อยกว่าราคาก่อนหน้าหรือสวิงก่อนหน้าที่อยู่ในระดับเดียวกัน กราฟมีโอกาสเป็นการทะลุหลอก
  • เมื่อราคาอยู่ในช่วงพักตัวมักจะมีการ False Breakout เสมอ อาจเกิดขึ้น 1-2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น เป็นการเคลียออเดอร์ของรายย่อยเพื่อเพิ่มการจับคู่หรือสร้างสภาพคล่องนั่นเอง ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด

การหลีกเลี่ยงโดยการใช้ Indicator ประเภท Oscillator เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์

  • การใช้ Indicator หรือตัวบ่งชี้เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ เป็นการตรวจสอบการเคลื่อนของราคาว่าวิ่งใกล้ครบลูปหรือยัง โดยจะใช้ Indicator ประเภท Oscillator เช่น RSI, MACD เป็นต้น
  • ในช่วงที่ราคาพักตัวจะสร้างแนวรับแนวต้านไว้ หรืออาจจะเป็น Trendline Pattern ต่างๆ เมื่อเกิดการ Breakout ให้ดูที่ Indicator ดังภาพตัวอย่างด้านล่างจะเป็น Indicator RSI เมื่อราคาเกิดการทะลุแนวต้าน Indicator RSI เข้าสู่โซน Overbough นั้นหมายความว่าราคาใกล้จะครบลูปแล้ว มีโอกาสที่ราคาจะไปต่อได้ไม่ไกล หรือเกิดการกลับตัวในไม่ช้า ทำให้เป็นสัญญาณเ False Breakout นั้นเอง
  • จากตัวอย่างด้านล่างจะเห็นว่าเรากำลังจะทะลุแนวรับ สังเกตที่ RSI ในช่วงเวลาที่เกิดการทะลุ ค่าของตัวบ่งชี้ไม่ได้อยู่ในบริเวณ Oversold และมีแนวโน้มเป็นขาลง ค่าต่ำกว่า 50 นั้นหมายความว่าราคายังไม่เข้าใกล้การวิ่งครบลูป ยังมีระยะให้วิ่ง มีโอกาสที่จะ Breakout และปรับตัวลงต่อไป

การวิเคราะห์บนกราฟจริง

ตัวอย่างที่ 1

  • ตัวอย่าง Timeframe M30 ราคาวิ่งเป็นแนวโน้ม และเกิดการพักสร้างในรูปแบบ Triangle
  • จุดที่เกิด False Breakout จะเห็นได้ว่ามีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง และตัวบ่งชี้ RSI ยังไม่เข้าใกล้การวิ่งครบลูปตามที่เราศึกษามาในหัวข้อก่อนหน้า แต่ทำไมราคาถึงเกิด False Breakout ทำไมราคาไม่ทะลุแนวไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น คำตอบก็คือ วิธีหลีกเลี่ยงกับดักหรือเทรดนิคการเทรด Breakout ไม่สามารถการันตีได้แบบ 100% ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าจุดที่เกิด False Breakout ในแกน X หรือด้านซ้ายมีแนวต้านย่อยอยู่ และแท่งเทียนก็ไม่มีโมเมนตัมหรือแท่งขนาดใหญ่ที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นแบบติดต่อกัน จึงควรรอและอย่าพึ่งออกออเดอร์ใด
  • จุดที่ Breakout จริง สังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามีแท่งเทียนขนาดใหญ่ และมี Volume ที่สูง ที่แม้ตัวบ่งชี้ RSI จะบ่งบอกว่าราคาวิ่งใกล้ครบลูปแล้ว และอยู่ในโซน Oversold แต่ถึงอย่างนั้นการที่อยู่ในโซน Oversold หากราคามีแนวโน้มขาลงที่แข็งแรง ตัวบ่งชี้ RSI อยู่จะ Oversold เรื่อยไป
  • รูปแบบ Triangle ส่วนใหญ่ในช่วงที่ราคากำลังสร้างรูปแบบราคาจะวิ่งเป็น 5-7 สวิง ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ซึ่งจุดที่ Breakout เป็นสวิงที่ 5 ซึ่งจบการสร้างรูปแบบพอดี จึงทำให้ราคา Breakout จริง และเป็นการ Breakout ที่แข็งแรง

ตัวอย่างที่ 2

  • ตัวอย่าง Timeframe H1 ราคาทะลุแนวต้าน และเกิดการพักตัว โดยมีแนวต้านกว่าเปลี่ยนตัวเองเป็นแนวรับ และแนวต้านใหม่
  • จุดที่เกิด False Breakout แท่งปิดต่ำกว่าแนวแต่มี Volume ที่ต่ำ และแท่งถัดไปไม่ได้มีแนวโน้มไปทางเดียวกันกับแท่งก่อนหน้า ตัวบ่งชี้ RSI ไม่ได้อยู่ในโซน OVS แต่มีการเปลี่ยนทิศทางในแท่งถัดไป และหากปรับไปดูที่ Timeframe ที่ใหญ่กว่าเช่น H4 จะเห็นว่าการทะลุนั้นเป็นเพียงแค่ไส้ของแท่งเทียน จุดนี้จึงเกิด False Breakout
  • จุดที่ Breakout มีแท่งค่อนข้างใหญ่ และมี 3 แท่งติดต่อกันที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น มี Volume ที่สูง ตัวบ่งชี้ RSI ยังไม่ครบลูปมีระยะให้วิ่งไปอีก เพื่อเข้าสู่โซน OVB ซึ่งมีองค์ประกอบครบ ทำให้การทะลุครั้งเป็นการทะลุจริง

สิ่งที่ต้องรู้/คำแนะนำ

  • การหลีกเลี่ยงกับดักเทคนิคต่างๆ ไม่ได้หลีกเลี่ยงได้แบบ 100% และต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Price Action, Candlestick, Support and Resistance, Liquidity และอื่นๆ เนื่องจากมีการต้องประยุกต์ใช้ ถึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การหลีกเลี่ยงโดยใช้ปริมาณการซื้อขาย จะใช้ได้ดีเมื่อใช้กับสินทรัพย์เดียวๆ เช่น หุ้น ดัชนี  และอื่นๆ